skip to main | skip to sidebar

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันศุกร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2555

รองเท้าฟุตบอล ช่วง 1940 ถึงปัจจุบันและอนาคต

Hummel 1920 Football Boots 

หลังจากที่ผมเล่าเรื่องรองเท้าฟุตบอลจนถึงช่วง 1900 ในบทความที่แล้ว เรามาดูรองเท้าฟุตบอลในช่วง 1940 มาถึงปัจจุบันกันครับ

หลังช่วงปี 1940 เป็นต้นมา รองเท้าฟุตบอลได้มีการพัฒนาให้มีรูปร่าง และน้ำหนักที่เบาขึ้น



ซึ่งจะเห็นใส่กันแถวแถบอเมริกาใต้ ที่ถือว่ากำลังก้าวเท้าเข้าสู่ความเป็นระดับโลก ด้วยทักษะและเทคนิดต่างๆของพวกเขาที่สร้างความมหัศจรรย์ให้แก่ผู้ชมอย่างพวกเรา

รองเท้าฟุตบอลในช่วงนี้ได้ออกแบบขึ้นมาให้เบาและยืดหยุ่นได้ ก็เพื่อเน้นไปที่การเตะและคอนโทรลบอลมากกว่าในสมัยก่อนที่จะเอาไว้ป้องกันตัวผู้เล่นซะมากกว่า

ช่วงปี 1948 บริษัทอดิดาสได้ถือกำเนิดขึ้นภายใต้การนำของอดอร์ฟ ดาสเลอร์ ซึ่งแยกตัวออกมากับน้องของเขา รูดิ ดาสเลอร์ เนื่องจากปัญหารูปแบบของรองเท้าฟุตบอล ที่มีความเห็นไม่ตรงกัน และรูดิ ดาสเลอร์ก็ได้ก่อตั้ง บริษัท พูม่าขึ้นมาในปีเดียวกัน

โดยรองเท้าฟุตบอลพูม่าของรูดินั้นได้ผลิตปุ่มสตั๊ดที่ทำขึ้นมาจากพลาสติกและยางขึ้นมาเป็นครั้ง แรก

หลังช่วง 1960 เป็นต้นมา เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในพัฒนารองเท้าฟุตบอล รองเท้าฟุตบอลได้มีรูปแบบที่ดีขึ้น เพื่อให้เหมาะกับนักเตะหลายๆคนที่มีความเร็ว อย่าง

อย่างรองเท้าพูม่าที่ เปเล่ ตำนานนักฟุตบอลใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 1962

อาดิดาสก็ได้เป็นผู้นำทางผลิตภัณฑ์กีฬาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี 1966 นักเตะในฟุตบอลโลกกว่า 75% ใช้ผลิตภัณฑ์ของอาดิดาส

ในช่วงนี้ เริ่มมีแบรนด์ หลายๆแบรนด์เกิดขึ้น ไม่จะเป็น Mitre (1960), Joma (1965) และAsics (1964)

ช่วง 1970 เป็นปีที่บราซิลได้ชูถ้วยฟุตบอลโลก ภายใต้การนำทีมของเปเล่ซึ่งตอนนั้น เปเล่ได้พูม่ามาเป็นสปอนเซอร์ ในขณะที่เปเล่ชูถ้วยแชมป์ เค้าก็ได้ใส่รองเท้าพูม่าอยู่ด้วย
Adidas Football Boot 
ปี 1979 อาดิดาสเป็นรองเท้าฟุตบอลที่ขายดีที่สุดในโลก โดยทำมาจากหนังของจิงโจ้ เพื่อใช้ในความเร็ว และความสามารถพิเศษต่างๆ และในปี 1977 แบรนด์กีฬา diadora ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

ในช่วง 1980 มีการพัฒนารองเท้าฟุตบอลที่พิเศษขึ้น นั้นก็คือ รองเท้าฟุตบอลพรีเดเตอร์
(predator) โดย เคร็ก จอห์นสตัน ซึ่งปล่อยออกมาโดย บริษัท อาดิดาส จอห์นสตันต้องการออกแบบ พรีเดเตอร์ ก็เพื่อให้รองเท้าฟุตบอล สัมผัสกับลูกฟุตบอล และสนามฟุตบอลได้ดีขึ้น

การออกแบบทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้นักฟุตบอลควบคุมและจบสกอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น

ในช่วงปี 1980 นี้มีบริษัทที่เปิดใหม่ก็คือ อัมโบร(1985) ลอตโต้(1982) เกลเม่(1982)

ช่วงปี 1990

พรีเดเตอร์ในช่วงนี้นั้นจะใช้วัสดุสังเคราะห์ในการทำรองเท้าฟุตบอลขึ้น ทำให้รองเท้า พูม่ากลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในปี 1996 มิซูโนะบริษัทของญี่ปุ่นก็ได้ปล่อย mizuno wave ออกมาในปี 1997 บริษัทที่ผลิตรองเท้าฟุตบอลอื่นๆที่เปิดในช่วง ปี 90 ก็จะมี Reebok (1992) and Uhlsport (1993) แต่ช่วง 90 ที่ต้องบอกว่าเป็นที่ฮือฮาที่สุด บริษัท nike แบรนด์ที่เป็นที่รู้จักกันมาจนถึงปัจจุบัน ได้ปล่อย Nike Mercurial soccer boot ออกมาในปี 1998 ซึ่งมีน้ำหนักราว 200 กรัม

ตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา

การใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการพัฒนารองเท้าฟุตบอลเพิ่มมากขึ้น มีอุปกรณ์ต่างๆมาทำการวิจัยและพัฒนาให้เห็นมากขึ้นในช่วงนี้และเป็นการแข่งขันกันระหว่าง 3 ยักษ์ใหญ่แห่งผลิตภัณฑ์กีฬา แข่งขันกันเพื่อชิงความเป็นเจ้าตลาด ไม่ต้องบอกก็รู้กันว่าต้องเป็น อาดิดาส ไนกี้ และพูม่า

ช่วงปี 2000 มีการพัฒนาที่สำคัญไม่ว่าจะเป็น Nomis Wet ที่สร้างสรรค์ sticky boot (2002), theCraig Johnston Pig Boot (2003), shark technology โดย Kelme (2006) และ รองเท้า Zhero Gravity laceless โดย Lotto (2006) ก็สามารถเจาะกลุ่มลูกค้าในตลาดเล็กๆได้

เทคโนโลยีเลเซอร์ที่เข้ามามีส่วนช่วยในการผลิตเป็นครั้งแรกโดย Prior 2 Level

รองเท้าที่เป็นนิยมในช่วงนี้ Adidas’ F50, Tunit and Predator Nike’s Mercurial Vapor III, Air Zoom Total 90s Tiempo Ronaldinho, Reebok Pro Rage และ Umbro X Boots

ช่วงหลังๆมานี้ เวลาเราดูการแข่งขันฟุตบอลจะเห็นว่าถ้านักฟุตบอลคนไหนที่ดัง สปอนเซอร์ก็มักจะทำรองเท้าโดยเป็นชื่อนักเตะคนนั้นเลย ไม่ว่าจะเป็น Nike Ronaldinho หรือ

CR7 ของซุปตาร์รีลมาดริด อย่างคริสเตียโน โรนัลโด้

หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านไม่มาก็น้อยนะครับ แล้ววันต่อๆไปผมจะเอาเรื่องฟุตบอลที่น่าสนใจมาเล่าให้ฟังต่อไปนะครับ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น