skip to main | skip to sidebar

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

วันอาทิตย์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัติ ฟุตบอล ลีกเอิง ลีกสูงสุด ฝรั่งเศส

0 ความคิดเห็น
                                                    
ลีกเอิง (ฝรั่งเศส: Ligue 1) เป็นลีกฟุตบอลสูงสุดของฟุตบอลในประเทศฝรั่งเศส โดยมีลีกรองลงมาคือ ลีกเดอซ์ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2475 โดยมีการเล่นต่อเนื่องมาทุกปียกเว้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยในอดีตจำนวนทีมที่เล่นในลีกเอิง จะเปลี่ยนไปมาระหว่าง 18 และ 20 ทีม ซึ่งปัจจุบันมีทีมทั้งหมด 20 ทีม และมีการเล่นในแบบการแข่งเหย้าและเยือน ทีมละ 38 นัดเมื่อจบฤดูกาล 3 ทีมอันดับสุดท้ายของตารางจะตกชั้นลงในเล่นใน ลีกเดอซ์ และทีมจากลีกเดอซ์ จะเลื่อนชั้นขึ้นมา ส่วน 3 ทีมแรกของตาราง จะมีสิทธิร่วมเล่นใน ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก โดย 2 ทีมแรกจะผ่านเข้ารอแข่งขัน ในขณะทีมลำดับ 3 จะเข้าไปแข่งในรอบคัดเลือก ส่วนทีมอันดับที่ 4 จะมีสิทธิเข้าไปเล่นใน ยูฟ่ายูโรปาลีก โดยอันดับ 5 และ 6 จะไปแข่งในรอบคัดเลือกของยูฟ่าคัพ ทีมที่ชนะลีกเอิงมากที่สุดคือ แซง-เอเตียน (Saint-Étienne) ชนะเลิศ 10 ครั้ง ในขณะที่ทีมชนะเลิศติดต่อกันมากที่สุดคือ โอแล็งปีกลียงเนส์ (Olympique Lyonnais) ชนะเลิศ 7 ฤดูกาล (2002-2008)  ส่วนในปี2009-2010 แชมป์คือ โอลิมปิกมาร์กเซย

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ฟุตบอลลาลีกา สเปน ประวัติ

0 ความคิดเห็น

                                            
ปรีเมราดีบีซีออนเดเอสปาญา (สเปน: Primera División de España) หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ลาลีกา (La Liga) เป็นระบบการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพลีกสูงสุดในประเทศ ลาลีกาได้รับการยอมรับว่าเป็นลีกฟุตบอลที่เข้มข้นที่สุดแห่งหนึ่งในทวีปยุโรป ใกล้เคียงกับเซเรียอาของประเทศอิตาลีและพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ
ลาลีกาจะเริ่มแข่งขันในเดือนกันยายนไปถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป ทีมชนะเลิศในแต่ละปีจะได้สิทธิ์ในการแข่งถ้วย ซูเปร์โกปาเดเอสปาญา กับทีมที่ชนะเลิศฟุตบอลถ้วยโกปาเดลเรย์ ทีมที่อันดับดีที่สุด 4 ทีมจะได้รับสิทธิ์แข่งยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
มีสโมสรฟุตบอลเพียง 9 แห่งที่เคยคว้าแชมป์ลาลีกา โดยทีมที่ชนะเลิศจำนวนครั้งมากที่สุดคือ สโมสรฟุตบอลเรอัลมาดริด 30 ครั้ง และสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา 20 ครั้ง ทีมแชมป์ล่าสุดในฤดูกาล 2009/2010 คือสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา
      ซึ่งโดยสองสโมสรยักษ์ใหญ่นี้ได้มีการแข่งขันซึ่งถือได้ว่าเป็นสโมสรที่แข่งขันกันเอาแชมป์ลีกสูงสุดของสเปนอย่างแท้จริง เพราะในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นคะเเนนของทีมทั้งสองนี้ทิ้งคะเเนนอันดับสามแบบไม่เห็นฝุ่น(เหมือนแข่งกันเอาแชมป์แค่2ทีม)และจากแข่งขันที่ผ่านมานั้นทีมอื่นในลีกที่จะต้องมาเจอกับ2ทีมยักษ์ใหญ่ในเเมืองหลวงของสเปนและแคว้นคาตาลันแล้วเหมือนลูกไก่ในกำมือ เพราะระดับของนักเตะที่แตกต่างกันเกินไปและการลงทุนของสโมสร ทำให้บาเซโลน่าและรีลมาดริดเป็นทีมที่ทิ้งห่างทีมคู่แข่งทีมอื่นโดยที่ทีมอื่นไม่ต้องลุ้นแชมป์กันเลยทีเดียว โดยในส่วนของถ้วย ยูฟ่าแชมเเปี้ยนลีกรีลมาดริดเป็นสโมสรที่ได้แชมป์มากที่สุดคือ9สมัย ตั้งแต่แข่งขันมา ส่วนของบาเซโลน่าได้แชมป์3สมัย

วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัติ ฟุตบอล กัลโช ซีรีส์ อา อิตาลี

0 ความคิดเห็น
Lega Calcio.png

กัลโช่ เซเรีย อา (อิตาเลี่ยน ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ หรือคัมปีโอนาโต้ หรือสคูเดตโต้) เป็นการแข่งขันฟุตบอลลีกสูงสุด ภายในประเทศอิตาลี่ ที่เริ่มทำการแข่งขันกันมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1898 ซึ่งเจนัว เป็นสโมสรแรกที่คว้าแชมป์ได้ ในขณะที่โดยรวมแล้ว ยูเวนตุสเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด โดยได้แชมป์ไปถึง 27 สมัย รองลงมาเป็นมิลาน กับอินเตอร์ ที่ได้แชมป์ 17 สมัยเท่ากัน ซึ่งสโมสรที่คว้าแชมป์ได้ทุกๆ 10 สมัย จะได้รับสัญลักษณ์ดาวสีทอง ติดอยู่ด้านบนของสัญลักษณ์ทีมบนเสื้อ 1 ดวง ดังนั้น ยูเวนตุส จึงมี 2 ดาวติดอยู่ด้านบนของสัญลักษณ์ทีมบนเสื้อ ขณะที่มิลาน และอินเตอร์ มีทีมละ 1 ดาว
การแข่งขันรายการนี้ในบางปีนั้นไม่มีแชมป์ ได้แก่ ในปี ค.ศ. 1915-1919 เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 และปี ค.ศ. 1943-1945 เนื่องจากเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 (ในปี ค.ศ. 1944 FIGC มอบแชมป์ย้อนหลังให้กับสเปเซีย) นอกจากนี้ ยังมีการริบแชมป์ของโตริโน่ ในปี ค.ศ. 1927 และของยูเวนตุส ในปี ค.ศ. 2005 และ 2006 เนื่องจากมีการจ้างวานให้ล้มบอล (ในปี ค.ศ. 2006 FIGC มอบแชมป์ให้กับอินเตอร์ ทีมอันดับที่ 3 ในฤดูกาลนั้น)
ส่วนในฤดูกาล ค.ศ. 1921-22 นั้น มีทีมแชมป์อยู่ 2 ทีม คือ โนเวเซ่ ซึ่งรับรองโดย FIGC และโปร แวร์เชลลี่ ที่รับรองโดย CCI
credit : http://www.wikipedia.org/

กำเนิด ประวัติ premier league พรีเมียลีก

0 ความคิดเห็น





เอฟเอพรีเมียร์ลีกเอฟเอพรีเมียร์ลีก (FA Premier League) หรือนิยมเรียกว่า พรีเมียร์ลีก (Premier League) เป็นระบบการแข่งขันฟุตบอลลีกในระดับสูงสุดของประเทศอ ังกฤษ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) ภายใต้การบริหารของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ หรือมีชื่อตามผู้สนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการว ่า บาร์เคลส์ พรีเมียร์ชิพ เนื่องจากในปัจจุบัน สนับสนุนโดย บริษัทการเงินบาร์เคลส์

การแข่งขันพรีเมียร์ลีก เป็นที่รวมของ 20 สโมสรฟุตบอลในระดับสูงสุดของอังกฤษเข้าด้วยกัน โดยปัจจุบัน มีเพียง 4 ทีมเท่านั้น ที่เคยชนะเลิศในการแข่งขันรายการนี้ ได้แก่ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, อาร์เซนอล, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส และ เชลซี

ประวัติ
แต่เดิมฟุตบอลลีกแห่งนี้ ใช้ชื่อว่า ฟุตบอลลีกดิวิชันหนึ่ง ซึ่งมีจัดการแข่งขันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888) และถือว่าเคยเป็นลีกฟุตบอลที่ยาวนานที่สุดในโลก โดยในปี พ.ศ. 2535 ในฤดูกาล 1992-93 ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเกิดขึ้นจากรูเพิร์ธ เมอร์ด็อก (Rupert Murdoch) นักธุรกิจสื่อสารรายใหญ่เจ้าของเครือข่ายสถานีโทรทัศ น์สกาย (BSkyB) พยายามผลักดันให้สโมสรฟุตบอลที่จะลงแข่งขันในดิวิชัน หนึ่งประจำฤดูกาล 1992-93 ถอนตัวออกมาจัดตั้งเป็นพรีเมียร์ลีกทำให้ฟุตบอลลีกสู งสุดของอังกฤษที่มีอายุ 104 ปี ต้องยุติลง ขณะเดียวกันทางฟุตบอลลีกเดิมได้เปลี่ยนชื่อจาก ดิวิชันสอง มาเป็น ดิวิชันหนึ่ง และดิวิชันอื่นได้เปลี่ยนตามกันไป


ปัญหาเริ่มต้น
ในช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่วงการฟุตบอลอาชีพของอังกฤษ ตกต่ำอย่างมาก เกิดเหตุการณ์หลายอย่าง ไม่ว่าเรื่องของสนามกีฬาที่มีปัญหา เหตุการณ์อันธพาลลูกหนัง หรือที่เรียกว่าฮูลิแกน ทำลายภาพลักษณ์ของฟุตบอลอังกฤษ ไฟไหม้อัฒจันทร์ วันที่ 11 พฤษภาคม 2528 ที่สนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลแบรดฟอร์ดซิตี ในระหว่างการแข่งขัน มีผู้เสียชีวิต 56 คน เหตุการณ์วันที่ 15 เมษายน 2532 ที่สนามฟุตบอลฮิลส์เบอโรของสโมสรฟุตบอลเชฟฟิลด์เวนส์ เดย์ มีผู้คนเหยียบกันเสียชีวิตกว่า 96 คน นอกจากนี้โศกนาฏกรรมเฮย์เซลที่มีผู้เสียชีวิต 39 คน ทำให้ยูฟ่าสั่งห้ามไม่ให้สโมสรจากอังกฤษเข้าร่วมการแ ข่งขันชิง ถ้วยสโมสรในยุโรปเป็นเวลา 5 ปี อันธพาลลูกหนังที่ตามไปเชียร์ทีมที่ชื่นชอบ หลังจากการแข่งขันจะเกะกะระราน เข้าผับดื่มกินจนเมามาย บ้างก็วิวาทกับแฟนฟุตบอลเจ้าถิ่นเกิดเหตุการณ์วุ่นวา ยบางครั้งรุนแรงถึงขั้นจลาจลหรือไม่ก็มีคนเสียชีวิต โดยโศกนาฎกรรมเฮย์เซล์ส่วนหนึ่งมาจากคนกลุ่มนี้เช่นก ัน

หลายเหตุการณ์ทำให้แฟนฟุตบอลไม่สามารถชมการแข่งขันได ้อย่างสงบสุข เนื่องด้วยกลัวจะโดนลูกหลง ประกอบกับสภาพสนามที่ย่ำแย่ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก หรือการป้องกันเหตุฉุกเฉินอย่างดีพอ ทำให้ชาวอังกฤษหลายคนตัดสินใจรับชมการถ่ายทอดสดทางสถ านีโทรทัศน์ที่บ้าน แทนที่จะเดินทางมาเชียร์ในสนามดังเช่นอดีต ช่วงทศวรรษ 1980 รายได้ของสโมสรจากค่าผ่านประตูซึ่งเป็นรายได้หลักได้ ลดลงอย่างมาก มีเพียงสโมสรชั้นนำไม่กี่แห่งเท่านั้นที่ยังคงมีกำไร ในฤดูกาล 1986-87 ทุกสโมสรฟุตบอลมีกำไรสุทธิรวมเพียง 2.5 ล้านปอนด์ พอถึงฤดูกาล 1989-90 รวมทุกสโมสรขาดทุน 11 ล้านปอนด์ ทำให้นายทุนไม่กล้าจะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกีฬาอาชีพนี ้อย่างเต็มที่ หลายสโมสรในช่วงนั้นมีข่าวว่าใกล้จะล้มละลาย

ภายหลังเหตุการณ์ที่สนามฮิลส์เบอโร รัฐบาลอังกฤษได้แต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนเรื่องท ี่เกิดขึ้น โดยมีลอร์ดปีเตอร์ เทย์เลอร์ ผู้พิพากษาระดับรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการ โดยผลการไต่สวนซึ่งเรียกว่า รายงานฉบับเทย์เลอร์ (Taylor Report) ได้กลายมาเป็นเอกสารสำคัญนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงครั ้งใหญ่ในวงการฟุตบอลอังกฤษ เพราะกำหนดให้ทุกสโมสรต้องปรับปรุงสนามแข่งขัน ที่สำคัญคืออัฒจันทร์ชมการแข่งขันต้องเป็นแบบนั่งทั้ งหมด ห้ามไม่ให้มีอัฒจันทร์ยืนเพื่อความปลอดภัยของผู้ชมกา รแข่งขัน โดยทีมในระดับดิวิชัน 1 และ 2 ต้องปรับปรุงให้เสร็จในปี 2537 และ ดิวิชัน 3 และ 4 ให้เสร็จในปี 2542 ส่งผลให้การยืนชมฟุตบอลซึ่งเป็นวัฒนธรรมการชมฟุตบอลข องคนอังกฤษมานาน บางแห่งก็มีชื่อเสียงอย่างเช่นอัตจันทร์ เดอะค็อป ของสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูลต้องจบไป ถึงแม้ว่าในประเทศอังกฤษจะมีสโมสรฟุตบอลทั้งอาชีพและ สมัครเล่นมากที่สุดในโลก แต่สนามฟุตบอลส่วนใหญ่มีสภาพเก่าแก่ทรุดโทรม บางสโมสรในระดับดิวิชั่นหนึ่งหรือดิวิชั่นสองยังคงมี อัฒจันทร์ที่สร้างด้วยไม้ ทำให้การปรับปรุงสนามฟุตบอลของสโมสรฟุตบอลอังกฤษครั้ งนี้ต้องใช้เงินลงทุนมหาศาล ท่ามกลางสถานะทางการเงินที่ไม่มั่นคงเพราะรายได้ลดลง อย่างมาก สโมสรเล็กบางแห่งซึ่งมีผู้ชมน้อยอยู่แล้วจึงใช้วิธีป ิดตายอัฒจันทร์ยืน ส่วนสโมสรใหญ่ที่ฐานะการเงินดีกว่าก็ประสบปัญหาเช่นก ัน เพราะไม่อาจใช้วิธีเลี่ยงปัญหาแบบสโมสรเล็กได้

รัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นต้องเข้าช่วยเหลือโดยลดค่าธรรม เนียมหรือภาษีธุรกิจพนันฟุตบอล นำเงินส่วนนี้มาตั้งกองทุนฟุตบอลจำนวน 100 ล้านปอนด์ ให้ฟุตบอลลีกเป็นคนจัดสรรให้สโมสรฟุตบอลซึ่งเป็นภาคี สมาชิกทั้ง 96 สโมสร นำไปพัฒนาปรับปรุงสนามแข่งขันของตนเอง แต่งบประมาณเท่านี้ต้องนับว่าน้อยมาก หากนำมาเฉลี่ยอย่างเท่ากันแล้วจะได้รับเงินเพียงสโมส รละ 1.08 ล้านปอนด์เท่านั้น ขณะที่สโมสรฟุตบอลชั้นแนวหน้าของลีกต้องใช้เงินในการ ณ์นี้สูงถึงกว่าสิบล้านปอนด์ สโมสรใหญ่ในดิวิชั่นหนึ่งจึงกดดันฟุตบอลลีกจัดสรรเงิ นให้มากกว่าสโมสรเล็ก เพราะหากไม่เสร็จทันตามกำหนดอาจจะถูกถอนใบอนุญาตได้
credit:DK_RA

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

กติกาของการเล่นฟุตบอล กติกาฟุตบอล

0 ความคิดเห็น
กติกาการเล่นฟุตบอล

สนาม

ขนาดสนาม ต้องเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขาว 110 – 120 หลา กว้าง 70 – 80 หลา
การเขียนเส้น ส่วนกว้างของเส้นไม่เกิน 5 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยเส้นข้าง เส้นประตู ธงมุมทั้งสี่ยอดมน ยาว 5 ฟุต และเส้นแบ่งแดนจุดศูนย์กลาง เขียนวงกลมรัศมี 10 หลา
เขตประตู คือจากเสาประตูออกไปข้างละ 6 หลา และตั้งฉากกับเส้นประตูเข้าไปในเขตโทษ 6 หลา
เขตโทษ คือ จากเสาประตูทั้งสองออกไปข้างละ 18 หลา และตั้งฉากกับเส้นประตูเข้าไปในสนาม 18 หลา และจากจุดกึ่งกลางของเส้นประตูเข้าไปในเขตโทษระยะ 12 หลา เป็นจุดเตะโทษและเขตโค้งวงกลมรัศมี 10 หลา นอกเขตโทษ (เส้นผ่าศูนย์กลางจุดโทษ 9 นิ้ว)
เขตมุม มุมสนามแต่ละแห่งเป็นจุดกลางเขียนโค้ง ¼ ของวงกลม รัศมี 1 หลา
ประตูประกอบด้วยเสา 2 ต้น คาน 1 คาน ถ้าวัดภายในยาว 8 หลา สูง 8 ฟุต และความหนาไม่เกิน 5 นิ้ว บนเส้นประตูห่างจากมุมทั้งสองเท่ากัน

จำนวนผู้เล่น

ต้องมีผู้เล่น 2 ชุด ๆ ละไม่เกิน 11 คน และไม่น้อยกว่า 7 คน และมีผู้เล่นคนหนึ่งเป็นประตู
การเปลี่ยนตัวผู้เล่นจะเปลี่ยนได้ 2 คน อย่างมากไม่ควรเปลี่ยนตัวเกิน 5 คน แต่ขึ้นอยู่กับข้อตกลง
การเปลี่ยนตัวจะเปลี่ยนได้เมื่อลูกตาย และต้องได้รับอนุญาตจากผู้ตัดสินก่อน
สำหนับผู้รักษาประตูจะเปลี่ยนตัวเป็นผู้เล่นในสนาม ต้องแจ้งให้ผู้ตัดสินทราบเมื่อลูกตาย
ถ้าผิดกติกาการเปลี่ยนตัวต้องเตะโทษ 2 จังหวะ ณ ที่ลูกบอลอยู่ขณะที่ผู้ตัดสินเป่านกหวีดหยุด และจะต้องถูกคาดโทษด้วย


ผู้กำกับเส้น

ผู้กำกับเส้นทั้งสองคนต้องได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ (การตัดสินเด็ดขาดอยู่ที่ผู้ตัดสิน)
เป็นผู้แจ้งว่าฝ่ายใดมีสิทธิ์จะได้เตะมุม เตะจากประตู หรือทุ่มลูก
ช่วยเหลือผู้ตัดสินและควบคุมการเล่นให้เป็นไปตามกติกา (ผู้ตัดสินสามารถสั่งเปลี่ยนผู้กำกับเส้นได้)
ต้องใช้ธงของเจ้าของสนามที่จัดแข่งขัน


ระยะเวลาการเล่น

ระยะเวลาการเล่นแบ่งเป็น 2 ตอน ตอนละ 45 นาที และหยุดพักระหว่างครึ่งไม่เกิน 5 นาที (ยกเว้นตกลงเป็นอย่างอื่น)

การเริ่มเล่น

ผู้ตัดสินเป็นผู้เสี่ยงโยนหัวโยนก้อย ผู้ชนะในการเสี่ยงจะมีสิทธิ์เลือกเตะเริ่มเล่นหรือเลือกข้าง
เมื่อผู้ตัดสินให้สัญญาณเริ่มเล่นแล้ว ผู้เล่นคนหนึ่งจะต้องเตะลูกบอลซึ่งตั้งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางของสนามเข้าไปในแดนคู่ต่อสู้ไม่น้อยกว่า 1 รอบของลูกบอล และห้ามเล่นลูกบอลซ้ำจนกว่าจะถูกผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน หรือฝ่ายตรงข้ามก่อนจึงจะเล่นต่อไปได้
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่ห่างลูกบอลไม่น้อยกว่า 10 หลา ขณะเตะเริ่มเล่น
เมื่อได้ประตูต้องเริ่มเล่นใหม่ในทำนองเดียวกัน โดยผู้เล่นคนหนึ่งของฝ่ายเสียประตูเป็นผู้เตะเริ่มเล่น
เมื่อเริ่มครึ่งเวลาหลังต้องตั้งต้นเริ่มเล่นใหม่ โดยฝ่ายตรงข้ามที่ไม่ได้เตะเริ่มเล่นในครึ่งเวลาแรก


การนับประตู

เมื่อลูกบอลได้ผ่านเส้นประตูเข้าไปในระหว่างเสาประตูทั้งสองข้าง และภายใต้คานประตูหมดทั้งลูก โดยผู้เล่นฝ่ายรุกไม่ได้ขว้าง หรือใช้มือ หรือแขนทำให้ลูกบอลนั้นเข้าประตู นอกจากผู้รักษาประตูซึ่งอยู่ภายในเขตโทษของตน
เมื่อเสร็จการเล่นแล้ว ฝ่ายใดได้ประตูมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ ถ้าประตูเท่ากันจะเสมอกัน


การล้ำหน้า

ผู้เล่นจะล้ำหน้า ถ้าล่วงหน้าลูกบอลเข้าไปใกล้ประตูของคู่ต่อสู้ นอกจาก

ผู้ล้ำหน้านั้นอยู่ในแดนของตน
มีคู่ต่อสู้สองคนอยู่ใกล้เส้นประตูของเขามากกว่าที่ตนอยู่
ครั้งสุดท้ายฝ่ายู่ตอสู้เป็นผู้ถูกลูกบอลนั้น หรือตนเป็นผู้เล่นลูกบอลนั้นเอง
ผู้ล้ำหน้าได้รับลูกบอลโดยตรงจากการเตะจากประตู เตะจากมุม ลูกทุ่ม หรือลูกบอลที่ผู้ตัดสินทุ่ม (Drop Ball)


การเล่นที่ผิดกติกาและเสียมารยาท

ผู้เล่นคนใดเจตนากระทำผิดข้อหนึ่งข้อใดใน 9 ข้อ จะถูกเตะโทษจังหวะเดียวโดยฝ่ายตรงข้าม และถ้าเกิดในเขตโทษจะต้องเตะโทษ ณ จุดโทษ ดังนี้
เตะ หรือพยายามเตะคู่ต่อสู้
ขัดขาคู่ต่อสู้ คือทำหรือพยายามทำให้คู่ต่อสู้ล้มลงด้วยการใช้ขา หรือด้วยการหมอบลงข้างหน้าหรือข้างหลัง
กระโดดเข้าหาคู่ต่อสู้
ชนคู่ต่อสู้อย่างรุนแรง หรือน่าหวาดเสียว
ชนคู่ต่อสู้ข้างหลัง นอกจากคู่ต่อสู้นั้นเจตนากีดกัน
ทำร้ายหรือพยายามจะทำร้ายคู่ต่อสู้
ฉุดหรือดึงคู่ต่อสู้
ผลักหรือดันคู่ต่อสู้
เล่นลูกด้วยมือ คือ ทุบ ต่อย ปัด เดาะลูกด้วยมือหรือแขน
ผู้เล่นคนใดกระทำผิดนอกเหนือดังกล่าวในข้อ 1 ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตะโทษ 2 จังหวะ

การทุ่ม

เมื่อลูกบอลได้ออกนอกสนามหรือลอยในอากาศก็ตาม ให้ทำการทุ่ม ณ ที่ซึ่งลูกบอลนั้นได้ผ่านเส้นข้างออกไป

ห้ามยกเท้าในขณะทุ่ม
ต้องหันหน้าเข้าสู่สนามในทิศทางที่จะทุ่ม
มือทั้งสองต้องปล่อยลูกบอลพร้อมกัน
ห้ามล้ำเส้น (เหยียบเส้นได้แต่ห้ามเปิดเท้าเกิดช่องว่างในสนาม)
ขณะทุ่มลูกบอลต้อยอยู่เหนือศรีษะและผ่านมาจากท้ายทอย ถ้าทุ่มผิดกติกาให้ฝ่ายตรงข้ามได้ทุ่ม

การเตะจากประตู

เมื่อลูกบอลทั้งลูกได้ผ่านเส้นประตูไปนอกสนาม นอกจากจะผ่านเข้าระหว่างเสาประตูทั้งสองภายใต้คานประตู ไม่ว่าจะกลิ้งหรือลอยไปในอากาศก็ตาม ฝ่ายรับจะได้ตั้งเตะภายในเขตประตูตรงจุดใดก็ได้

ต้องเตะลูกบอลครั้งเดียวให้ออกนอกเขตโทษ ห้ามส่งให้ผู้รักษาประตูรับในเขตโทษ
เตะลูกบอลครั้งเดียวเข้าประตูฝ่ายตรงข้ามไม่นับว่าได้ประตู
ไม่มีการล้ำหน้า
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามห้ามเย้ามาในเขตโทษของผู้ตั้งเตะจากเขตประตู
ถ้าผู้เล่นเตะลูกบอลตั้งเตะออกหลังเส้นประตูนอกเขตโทษตนเอง ให้ตั้งเตะใหม่
ถ้าผู้เตะลูกบอลตั้งเตะออกหลังเส้นประตูนอกเขตโทษของตนเอง ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตะจากมุม
ลูกตายและลูกไม่ตาย

ลูกตาย คือ ลูกบอลได้ผ่านเส้นประตูหรือเส้นข้างออกไปนอกสนามหมดทั้งลูก ไม่ว่าจะกลิ้งไปบนพื้นสนามหรือลอยไปในอากาศ หรือเมื่อผู้ตัดสินสั่งให้หยุดการเล่น
ลูกไม่ตายนับตั้งแต่ได้เริ่มการเลนจนเลิกเล่น รวมทั้งกรณีที่ลูกบอลกระดอนจากเสาหรือคานประตู หรือมุมธงเข้ามาในสนาม หรือลูกบอลถูกผู้ตัดสิน ผู้กำกับเส้น ซึ่งอยู่ในสนาม และรวมถึงกรณีที่เข้าใจว่าทำผิดกติกาก็ต้องเล่นต่อไปจนกว่าจะมีการตัดสิน

อุปกรณ์ของผู้เล่น

(ก) อุปกรณ์ของผู้เล่นมีดังต่อไปนี้ คือ เสื้อยืด หรือเสื้อเชิ้ต กางเกงขาสั้น ถุงเท้ายาว สนับแข้ง และรองเท้า
(ข) ผู้เล่นจะต้องไม่สาวสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่จะเป็นอันตรายต้อผู้เล่นคนอื่น ๆ

สนับแข้งจะต้องใส่ภายในถุงเท้ายาว และคลุมอย่างมิดชิด ซึ่งสนับแข้งจะต้องทำด้วยยางพลาสติก หรือสารสังเคราะห์ที่คล้ายคลึงกัน และสามารถป้องกันได้
ผู้รักษาประตูจะต้องสวมเสื้อที่มีสีแตกต่างจากผู้เล่นคนอื่น ๆ รวมทั้งผู้ตัดสินอย่างเห็นได้ชัดเจน
ผู้ตัดสิน

ผู้ตัดสินต้องได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ในการแข่งขันแต่ละครั้ง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตามกติกาการแข่งขันทันทีที่เข้าสนามแข่งขัน และขณะพักการเล่นชั่วคราว ลูกตายหรือระงับการลงโทษ
ตัดสินใจสั่งหยุดการเล่นชั่วคราว ตัดสินใจเตือน คาดโทษ และไล่ออก
บันทึกการเล่น รักษาเวลา ชดเชยเวลาเนื่องจากอุบัติเหตุ หรือเหตุอื่น ๆ และให้สัญญาณต่าง ๆ
เป็นผู้อนุญาตให้บุคคลอื่นเข้าไปในสนามได้
เป็นผู้ชี้ขาดเรื่องลูกฟุตบอลในการแข่งขัน

ลูกบอล

ลูกบอลต้องกลม เปลือกนอกทำด้วยหนังหรือวัสดุที่ไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่น
วัดรอบลูกบอลได้ 27 – 28 นิ้ว
น้ำหนัก 396 – 453 กรัม



การเตะจากมุม

เมื่อลูกบอลได้ผ่านเส้นประตูไปนอกเขตสนาม โดยที่ฝ่ายรับเป็นผู้ถูกลูกบอลนั้นเป็นครั้งสุดท้าย ไม่ว่าจะกลิ้งไปบนพื้นดินหรือลอยในอากาศ นอกจากเข้าไปในประตู

ให้ฝ่ายรุกนำลูกบอลไปเตะในเขตมุม ณ มุมธงใกล้กับที่ลูกบอลออกไป
ห้ามทำให้เสาธงเคลื่อนที่
ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่ห่างผู้เตะไม่น้อยกว่า 10 หลา
ถ้าเตะลูกบอลครั้งเดียวเข้าประตู ถือว่าได้ประตู
เตะลูกบอลไปถูกคานหรือเสาประตูกระดอนกลับมา ห้ามผู้เตะเล่นซ้ำ
ผู้เตะจะเล่นลูกบอลซ้ำไม่ได้จนกว่าจะถูกผู้เล่นคนอื่นก่อน การเตะโทษ

แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

การเตะโทษโดยตรง (จังหวะเดียว) เป็นการเตะครั้งเดียวลูกบอลเข้าประตูฝ่ายตรงข้าม โดยที่ลูกบอลไม่ถูกผู้ใดก็นับว่าได้ประตู
การเตะโทษโดยอ้อม (2 จังหวะ) เป็นการเตะครั้งเดียวลูกบอลเข้าประตูของฝ่ายตรงข้ามไม่นับว่าได้ประตู เว้นแต่ลูกบอลได้ถูกผู้เล่นคนใดคนหนึ่งนอกจากผู้เตะก่อนจะเข้าประตู ขณะเตะโทษผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามอยู่ห่างลูกบอลไม่น้อยกว่า 10 หลา
การเตะ ณ จุดโทษ

จะต้องเตะ ณ จุดโทษ และผู้เล่นทุกคนนอกจากผู้เตะและผู้รักษาประตูของฝ่ายรับต้องอยู่ในสนาม แต่นอกเขตโทษ และห่างจากจุดโทษอย่างน้อย 10 หลา
ผู้รักษาประตูฝ่ายรับต้องยืนให้เท้าทั้งสองไม่เคลื่อนที่บนเส้นประตูระหว่างเสาประตูของตนจนกว่าผู้เตะได้เตะลูกบอลแล้ว
ผู้เตะต้องเตะไปข้างหน้า และจะเล่นลูกบอลครั้งที่ 2 ไม่ได้จนกว่าจะถูกผู้เล่นคนอื่นก่อน และลูกบอลจะต้องกลิ้งไปไม่น้อยกว่า 1 รอบ ลูกบอลจึงจะสมบูรณ์
ขณะจะทำการเตะโทษแล้วหมดเวลาการแข่งขัน ต้องเพิ่มเวลาสำหรับการเตะโทษ ณ จุดโทษ (ซ้ำไม่ได้)
กรณีละเมิดกติกาข้อนี้
ถ้าผู้เล่นฝ่ายรับละเมิดกติกา ให้เตะใหม่หากครั้งแรกเตะลูกบอลไม่เข้าประตู
ถ้าผู้เล่นฝ่ายรุกละเมิดกติกา นอกกจากผู้เตะครั้งแรกลูกบอลเข้าประตูก็ให้เตะใหม่
ถ้าผู้เตะโทษ ณ จุดเตะโทษกระทำผิดหลังจากลูกบอลอยู่ในการเล่นแล้ว ให้ฝ่ายตรงข้ามได้เตะลูกโทษ 2 จังหวะ ณ ที่ซึ่งการละเมิดกติกาได้เกิดขึ้น

วันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ประวัติฟุตบอล กีฬาฟุตบอล การกำเนิดฟุตบอล ที่มาของฟุตบอล

0 ความคิดเห็น


      หลายๆคนเคยบอกว่าฟุตบอลมีต้นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ แต่จริงๆแล้วกีฬาที่มีการเล่นคล้ายฟุตบอลนั้นมีมาก่อนหน้านี้อีก โดยเเต่ละประเทศมีกีฬาการเตะที่คล้ายฟุตบอล ดังนี้
ประเทศกรีกมีการเล่นกีฬาที่คล้ายฟุตบอลเรียกว่า เอพิซิสเคียรอส(Episiskiyros)
ในสมัยบาบิโลน หรืออียิปต์โบราณ ฟุตบอลได้ทำมาจากหนังสัตว์แล้วห่มด้วยเส้นผมหรือเส้นผมข้างนอก
ในประเทศจีน เมื่อ3000ปีก่อนคริสตศักราชมีกีฬาที่มีการเล่นคล้ายฟุตบอล ซูชู(Tsu chu)

ในสมัยประเทศญี่ปุ่น ก่อนต้นศตวรรษที่14 ได้เล่นกีฬาชนิดหนึ่งที่คล้ายการเล่นฟุตบอลเรียกว่า"เคมาริ"หรือ"เคอร์นาร์"(Kemari หรือ Kernart)
ในประเทศฝรั่งเศษสมัยกลาง ได้เล่นกีฬาคล้ายฟุตบอลเช่นกันเรียกว่า"คาลซิโอ"(Calcio)
ในประเทศเม็กซิโก ได้เล่นกีฬาคล้ายฟุตบอลเรียกว่า โกมาคาริ (Gomacari)
ในสมัยโรมัน เริ่มฟุตที่มีลมข้างใน โดยพวกเขาได้นำเอากระเพาะปัสสาวะของวัวที่เพิ่งตายใหม่ๆแล้วห้มด้วยขน เกมที่ใช้กระเพาะปัสสาวะของวัว(Ox's bladder)มาเล่นนี้ได้ถูกเรียกว่า"ฮาร์ปาสตัม"(Harpastum)บางตำราเรียกว่า"Harpaston" หรือ "Harpaston"ก็มีซึ่งชาวโรมันเอาแบบมาจากขาวกรีกโบราณ
  ครังแรกเกมนี้จะเล่นเฉพาะคนที่อยู่ในวัยฉกรรจ์เท่านั้น ซึ่งเป็นการเล่นที่รุนแรงป่าเถื่อนและโหดร้ายซึ่งเล่นกันทั่วเมืองหรือทั่งหมู่บ้าน เป้าหมายในการเล่นคือ พยายามพาลูกบอลลูกหนึ่งจากตำบลหนึ่งไปสู่อีกตำบลหนึ่งโดยถูกต้องตามกติกา ซึ่งกติกาได้ก่อความยุ่งยากมาก ทำให้ถูกตำหนิและถูกห้าม โดยกษัตริย์องค์ที่7 ในระหว่างพ.ศ.1743และพ.ศ.2193 แต่กระนั้นก็ยังคงมีการแข่งขันอยู่ แต่การเล่นฟุตบอลเหมือนกับกีฬาที่เล่นเป็นทีมบางชนิดที่ต้องใช้กติกาซึ่งเริ่มต้นไม่อิสระทั้งหมด แต่แพร่หลายมาตามโรงเรียนโดยทั่วไป

     ที่โรงเรียน เป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า ฟุตบอลเป็นการสันทนาการทางด้านร่างกาย หลังศตวรรษที่18และหลังจากนั้นก็กลายเป็นความทรงจำว่าเป็นกีฬาที่นิยมที่สุดของอังกฤษ แต่ละโรงเรียนได้พัฒนาการแข่งขันด้วการกำหนดกติกา ขนาดประตู จำนวนของทีม ฯลฯ

     การวางเงื่อนไขที่สำคัญ โดยอาศัยหลักธรรมชาติ ฟุตบอลได้พัฒนามาจากการเล่นด้วยมือและเท้า การเล่นเกมที่โรงเรียนในชนบทจะเล่นบนสนามหญ้าหรือทุ่งหญ้า ด้วยการเลี้ยงและส่ง ส่วนในโรงเรียนในเมืองจะเล่นเกมส์นี้บนพื้นดินที่มีขอบเขตที่กำหนดด้วยหินหรือธง

     การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ในสมัยโบราณกาลของโรมันมีลักษณะแปลกอยู่อย่างคือ ข้างหนึ่งจะมีนักฟุตบอล27คน ซึ่งการแข่งขันที่รุนแรง พอแข่งเสร็จจะถูกหามส่งโรงพยาบาลกันเป็นแถว ดูเหมือนเกมรุนแรงประเภทนี้จะเป็นประวัติศาสตร์ของกีฬาประเภทหนึ่งในหมู่เกาะอังกฤษ และในหมู่เกาะไอร์แลนด์จะไม่จำกัดจำนวนผู้เล่นและขนาดของสนาม เล่นในที่แจ้ง ไม่มีการพัก ไม่มีประตู จะพยายามเข้าข้างหลังคู่ต่อสู้ บางครัง้จะมีการล่วงเกินกัน เพราะว่าเขาจะใช้หมัดชกคู่ต่อสู้ได้ ซึ่งจะก่อให้เกิดการพิพาทกัน

     พ.ศ.1857 สมัยพระเจ้าเอ็ดเวิร์ด(King Edward)ของอังกฤษ มีการประกาศจำคุกผ้เล่นฟุตบอลหลังจากกันมาแล้ว1000ปี ประวัติศาสตร์จารึกไว้ว่า อังกฤษชนะโรมันในการแข่งขันฟุตบอลถูกเรียกว่าเดอร์บีในอังกฤษ35ปีหลังจากนั้น

     พ.ศ.2224 ขุนนางชาวอังกฤษซึ่งมีความรู้เกี่ยวกับฟุตบอลอีตาเลียน ได้แนะนำให้ทำตราของกีฬาประเภทนี้ และในขณะนั้นก็มีกติกาแล้วกีฬาประเภทนี้กำลังเป็นที่แพ่รหลายไปทั่วประเทศออานานิคมของอังกฤษ ฟุตบอลได้เริ่มแข่งขันภายใต้กฏของสมาคม มีดังนี้

ก่อน พ.ศ.2343 การเริ่มมีกฏมาตราฐานขึ้น แต่ยังหยาบคายอยู่

พ.ศ.2366 เกิดเกม 2 ชนิด คือ ฟุตบอล กับ รักบี้ ซึ่งเป็นต้นกำเนิดอเมริกาฟุตบอล
พ.ศ.2398 สโมสรฟุตบอล เชฟฟิลด์(Sheffield)เกิดในอังกฤษ
พ.ศ.2403 มหาวิทยาลัยฮาร์เวอร์ด(Harward)ได้ตั้งทีมฟุตบอลขึ้น
พ.ศ.2406 ตั้งสมาคมฟุตบอลอังกฤษในลอนดอน แสดงให้เห็นว่า ฟุตบอลต่างจากรักบี้ และมีระเบียบกฎเกณฑ์ในการเล่น
พ.ศ.2412 การเล่นฟุตบอลครั้งแรกระหว่าง รัทเกอร์ กับ ปริ้นซีตัน(Rutgers and Princeton)
พ.ศ.2413 ฟุตบอลเริ่มเล่นในอเมริกาครั้งแรก
พ.ศ.2415 จำกัดขนาดของลูกฟุตบอลและมีที่ป้องกันคางในอังกฤษ
พ.ศ.2421 ใช้นกหวีดครั้งแรก
พ.ศ.2425 ตกลงกติกาสากลครั้งแรก
พ.ศ.2426 ใช้มือ 2 มือขว้างลูกบอลได้ในเขตประตู
พ.ศ.2427 ตั้งสมาคมฟุตบอลในอเมริกาครั้งแรก
พ.ศ.2428 มีฟุตบอลอาชีพในอังกฤษเป็นครั้งแรก
พ.ศ.2429 แข่งขันระหว่างชาติครั้งแรก ระหว่างสหรัฐฯกับแคนาดา
พ.ศ.2433 มีตาข่ายประตูครั้งแรกในอังกฤษ
พ.ศ.2434 มีผู้กำกับเส้น และมีการเตะลูกโทษเมื่อทำผิดกติกา
พ.ศ.2443 ตั้งสหพันธ์ฟุตบอลโลกขึ้นเป็นครั้งแรก ณ กรุงปารีส
พ.ศ.2448 ผู้รักษาประตูต้องอยู่ในเขตที่กำหนด และจะเล่นลูกได้เฉพาะในเขตโทษเท่านั้น
พ.ศ.2450 ตั้งสมาคมฟุตบอลขึ้นในต่างจังหวัดและมีการฝึกสอน(ครูผู้ฝึก)ขึ้นเป็นครั้งแรก
พ.ศ.2451 เริ่มแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรกในกรุงลอนดอน และอังกฤษชนะเลิศ
พ.ศ.2455 ผู้รักษาประตูใช้มือได้ในเขตโทษ
พ.ศ.2456 ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องถอยหลังห่างลูกบอล 6 หลา ในการเตะโทษ
พ.ศ.2463 ผู้เล่นต้องไม่ล้ำหน้าในการเล่นฟุตบอล(ห้ามล้ำหน้า)
พ.ศ.2467 มีการเตะมุม
พ.ศ.2468 มีกฎการล้ำหน้า และมีกติกาเล่นคล้ายๆปัจจุบัน
พ.ศ.2472-73 ผู้รักษาประตูต้องยืนอยู่ในเขตประตู
พ.ศ.2473 มีการแข่งขันชิงถ้วยฟุตบอลโลกครั้งแรกที่อุรุกวัย และอุรุกวัยเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรก โดยการเอาชนะอาร์เจนตินา 4:2
พ.ศ.2474 ผู้รักษาประตูขว้างไปยังฝ่ายตรงข้ามได้และเดินได้ 4 ก้าว เดิม 2 ก้าว
พ.ศ.2480 การเตะลูกโทษ ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามต้องอยู่ห่างลูกบอล 10 หลา
พ.ศ.2484 ทหารเล่นฟุตบอลอย่างรุนแรงเพื่อสร้างความกล้าหาญ เหี้ยมหาญ สนามยังไม่ได้มาตรฐาน
พ.ศ.2493 อเมริการ่วมแข่งขันฟุตบอลโลกที่บราซิล อุรุกวัยชนะเลิศ
พ.ศ.2493 มีการสอนฟุตบอลในโรงเรียนราษฎรร์ของอังกฤษ และโรงเรียนต่างๆเล่นกันทั่วไปกติกาและสนามคล้ายปัจจุบัน
พ.ศ.2499 ทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก ที่กรุงเมลเบอร์น ประเทศออสเตรเลีย(โอลิมปิกครั้งที่ 9)
พ.ศ.2511 ทีมฟุตบอลชาติไทยเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งที่ 2 ที่ประเทศเม็กซิโก(เป็นการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกครั้งที่ 12) ฮังการีชนะบัลแกเรีย 4:1 ฮังการีจึงเป็นทีมชนะเลิศ
พ.ศ.2515 ทีมฟุตบอลอเมริกาเข้าร่วมแข่งขันโอลิมปิกครั้งแรก ที่เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนีตะวันตก โปแลนด์เป็นทีมชนะเลิศ

credit:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=polball&month=09-2009&date=18&group=1&gblog=7